5.15.2011

9 นิสัยทำชีวิตคุณให้ดีขึ้น


9 นิสัยทำชีวิตคุณให้ดีขึ้น

ในการดำรงชีวิตของมนุษย์เราปัจจุบัน ต้องเผชิญปัญหามากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วปัญหานั้นก็อาจคลี่คลายไปได้ค่ะ ถ้าคุณรู้จักวิธีในการจัดการกับมัน และชีวิตคุณก็จะใความสุขขึ้น ในที่นี้ เราจะมาบอกวิธีที่จะนำพาคุณให้มีชิวิตที่ดีขึ้น เพียงแค่คุณลองทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัยค่ะ

1. พยายามจ่ายเป็นเงินสด
ปัญหาใหญ่ของเราต้องเผชิญกันอยู่ทุกวันนี้ คือ เรื่องหนี้สิน สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากการที่เราไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายของเราเองได้ และจะยิ่งบานปลายถ้าคุณมีบัตรเครดิต ดังนั้นคุณควรสร้างนิสัยการใช้จ่ายโดยใช้เงินสดมากกว่าจะจ่ายด้วยบัตร เพื่อที่ว่าคุณสามารถควบคุมจำนวนเงินจากบัญชีได้ แต่ถ้าหากคุณไม่มีเงินสดในมือก็ขอให้หยุดซื้อเถอะค่ะ นี่จะช่วยควบคุมสถานะทางการเงินของคุณแถมยังช่วยกำจัดหนี้ไปอย่างช้า ๆ อีกด้วยนะคะ

2. ปิดไฟที่ไม่ได้ใช้
จริงๆ แล้วสิ่งนี้้เป็นเหมือนสามัญสำนึกที่เราควรทำกันอยู่ เราควรจะปิดไฟเมื่อเราออกจากห้องแม้จะเป็นเพียง 2 นาทีก็ตาม ข้อนี้ช่วยมีประโยชน์ถึงสองต่อ คือ นอกจากจะเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟบ้านคุณด้วย ดังนั้นควรจะฝึกทุกคนในบ้านให้ทำเป็นกิจวัตรจะดีที่สุดค่ะ

3. การดื่มน้ำ
น้ำเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตเรา ถ้าคุณสร้างนิสัยที่ดีโดยการดื่มน้ำเยอะ ๆ ควบคู่การรักษาสุขภาพไปด้วยวิธีอื่น ๆ แล้ว รับรองว่าคุณจะเห็นผลลัพธ์ในเร็ววัน คุณจะมีระบบขับถ่ายที่ดี ผิวพรรณมีน้ำมีนวล ตลอดจนเส้นผมที่มีสุขภาพดี และที่แน่ ๆ น้ำสามารถช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มพร้อมไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวันค่ะ

4. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำเพียงเพื่อต้องการลดน้ำหนักเท่านั้น เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันจะเป็นการดีต่อสุขภาพคุณมาก นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขได้ มันช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจ มีความเด็ดเดี่ยว มองโลกในแง่บวก มีจิตใจที่เข้มแข็ง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองด้วย

5. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับดูเหมือนจะไม่ใช่กิจกรรมที่มีสาระนัก แต่มันกลับจำเป็นและเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะมีสุขภาพกายและใจที่ดี การนอนหลับช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นการนอนหลับอย่างเพียงพอยังจะช่วยให้ความจำดี หากคุณทำให้การนอนหลับอย่าเพียงพอนี้เป็นกิจวัตรของคุณแล้ว คุณจะรู้สึกได้ถึงความมีสุขภาพดีและมีความสุขแน่นอนค่ะ

6. ทำอะไรทีละอย่าง
คุณคงเคยได้ยินว่า อย่าทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เพราะมันจะไม่ได้ดีสักอย่าง ดังนั้นแล้วหากคุณค่อย ๆ ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เสร็จแล้วจึงค่อยไปทำงานอื่นต่อไป งานที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพอย่างที่สุด และช่วยให้คุณไม่เครียดมากอีกด้วยนะคะ พยายามฝึกให้เป็นนิสัยหล่ะสำหรับคนที่ชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย

7. เขียนบันทึกประจำวัน
การเขียนไดอารี่ไม่ใช่สำหรับเด็กวัยเรียนเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่ถ้าคุณสามารถทำได้ มันจะให้ประโยชน์กับคุณไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่แล้วก็ตาม การเขียนไดอารี่ก็เป็นการผ่อนคลายตัวคุณได้เป็นอย่างดี ปล่อยใจไปกับตัวหนังสือที่คุณเขียนลงไป การเขียนไดอารี่ทุกวันสามารถทำให้จิตใจคุณเย็นลงได้ จึงทำให้คุณเป็นคนใจเย็นขึ้นด้วย ดังนั้นแล้วลองหาซื้อสมุดไดอารี่น่ารัก ๆ สักเล่มมาลองเขียนดูนะคะ

8. การนั่งสมาธิ
จริงอยู่ มันอาจไม่ง่ายที่จะให้คุณมานั่งทำสมาธิหากคุณไม่เคยทำ แต่ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น เพราะถ้าคุณสามารถทำได้ คุณจะได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุดเลยทีเดียว อย่างเช่น ความเครียด ความกังวล หรือ อารมณ์แย่ ๆ ทั้งหลายของคุณจะลดลง เพราะคุรจะรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากการนั่งสมาธิเป็นการฝึกร่างกายและจิตใจให้รวมเป็นหนึ่งนั่นเองค่ะ

9. การคิดในแง่บวก
เมื่อคุณสามารถคิดในแง่บวกจนกลายเป็นนิสัยได้ นั่นเท่ากับว่าคุณได้ก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จอีกขั้นของคุณแล้วค่ะ การคิดในแง่บวกจะทำให้คุณรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการที่จะทำอะไรมากขึ้นหากในตอนนี้คุณรู้สึกท้อแท้ หรือ หมดกำลังใจนะคะ

สุดท้ายนี้ อยากจะฝากข้อความหนึ่งว่า "ในตอนแรกเราเป็นผู้สร้างนิสัย ต่อมานิสัยจะหล่อหลอมความเป็นตัวเรา" เป็นข้อความที่ดีนะคะ หวังว่าเราจะมาร่วมสร้างนิสัย เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ ^___^

5.11.2011

สูตรบริหารการเงิน กับความรักให้ลงตัว



สูตรบริหารการเงิน กับความรักให้ลงตัว

แม้เรื่องความรักกับการเงินจะเป็นคนละเรื่อง แต่เชื่อหรือไม่ว่าจากเรื่องเงินที่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก อาจบานปลายและกระทบต่อความสัมพันธ์ หากทั้งคู่ไม่มีการพูดจาสร้างความเข้าใจกันไว้ก่อน

ตอนเป็นแค่แฟนกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อาจไม่เป็นปัญหาเพราะใช้เงินคนละกระเป๋า แต่หากวันหนึ่งทั้งคู่วางแผนว่าจะร่วมชีวิต และเริ่มเก็บเงินเก็บทองร่วมกันแล้ว สำหรับสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณทั้งคู่ บริหารทั้งเรื่องการเงินและความรักให้ลงตัว นั่นก็คือ การพูดคุยกันในเรื่องสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้...

บอกความจริงเรื่องพฤติกรรมการใช้เงิน

ผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากมักปิดบังค่าใช้จ่ายต่อรู้รักของตนเอง โดยเฉพาะการนำเงินไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นที่เข้าใจกันได้ว่า แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ รสนิยมแตกต่างกัน เรื่องการใช้จ่ายย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้น ควรหันหน้าเข้าหากันและแลกเปลี่ยน เปิดอกคุยกันเรื่องนิสัยการใช้จ่ายของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และควรคุยกันตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่คบกัน เพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้ง่าย ควรบอกรายได้ที่แท้จริง ร่ายจ่าย เงินเก็บ วงเงินบัตรเครดิต และหนี้สินส่วนตัว รวมไปถึงความใฝ่ฝันว่าจะลงทุนทำธุรกิจอะไรในอนาคต เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ข้อมูลอย่างชัดเจน

บัญชีของเรา

คู่รักคู่ใดที่มั่นใจแล้วว่า จะเลือกเขาหรือเธอคนนั้นเป็นคู่ชีวิต ควรเปิดบัญชีร่วมกันไว้หนึ่งบัญชี เพื่อให้เป้นแหล่งออมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการเป็นคู่ชีวิต ทั้งนี้ เป็นการเก็บออมเพื่อการใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งการลงทุน การใช้จ่ายทรัพย์สินบางอย่าง การใช้หนี้ที่คิดว่าจะรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก่อนบัญชีควรคุยกันให้แน่นอนว่า เป้าหมายของบัญชีร่วมกันฉบับนี้ เปิดขึ้นเพื่อเหตุผลใด และที่ห้ามมองข้ามคือ ให้ตัดสินใจว่าจะใช้ชื่อร่วมกัน หรือชื่อของผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเจ้าของบัญชี เนื่องจากจะมีผลเมื่อต้องทำธุรกรรมต่าง ๆ

ชีวิตคู่ต้องมีแผนสอง

สิ่งต่าง ๆ ล้วนไม่แน่นอน ดังนั้น คู่รักควรวางแผนเพื่อแก้ปัญหาในอนาคต ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งการมีบุตรร่วมกัน การหย่าร้าง อุบัติเหตุฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้หากวางแผนไว้ล่วงหน้า ถือว่าดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เพราะหากเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา จะได้รับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้ทันท่วงที

เธอหรือฉันจะจ่าย

ปัจจุบันชายหญิงล้วนออกไปทำงาน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแลครอบครัวของตนเอง บางคู่ฝ่ายชายอาจมีรายได้สูงกว่า แต่บางครั้งฝ่ายหญิงก็มีรายได้มากกว่า แต่สำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ควรมีการเจรจากันอย่างจริงจัง ควรช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีรายได้มากกว่า จะต้องรับผิดชอบมากกว่า กฎข้อนี้คือร่วมกันแบ่งเบาภาระด้วยความเข้าใจ

ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง

ถือเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต รวมไปถึงชีวิตคู่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคู่รักที่อยู่กันมานานหลายปี บางครั้งหลายคู่ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้น ต้องตกลงใจร่วมกันว่า เงินที่เหลือร่วมกันนั้นในปีนั้น ๆ จะวางแผนสำหรับใช้จ่ายอะไร หากทั้งสองมีเป้าหมายในเงินก้อนเดียวที่แตกต่างกัน ควรหาข้อตกลงที่สมเหตุสมผลที่สุด

เงินทองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องละเอียดอ่อนทั้งสองเรื่องคือ การเปิดอกพูดคุยกันอย่างจริงจัง จะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นมีความสุข ^__^ mak mak!

รักที่ดีต้องเชื่อใจกัน



รักที่ดีต้องเชื่อใจกัน

อยู่ไหน…กับใคร...กลับเมื่อไหร่...คุยกับใคร...ขอดูโทรศัพท์หน่อย...แอบทำอะไร...เสื้อตัวนี้ไม่เคยเห็น ใครซื้อให้...เพื่อนคนนี้ไม่เห็นฉันจะรู้จักเลย ฯลฯ

โอ๊ย ๆ อีกมากมายหลากหลายคำถาม ที่โดนกระหน่ำใส่ไม่หยุดยั้ง เวลาที่คุณเกิดความรู้สึก "หวาดระแวง" อย่างไม่มีเหตุผล จนกลายเป็น "เจ้าหนูจำไม" ตั้งคำถามซอกแซกเพราะ "ไม่ไว้ใจ" ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่มีเรื่องราวอะไรให้ต้องระแวงด้วยซ้ำ

ซึ่งบางคนก็ชอบที่จะอยากให้อีกฝ่ายถามไถ่ เพราะดูเหมือนเป็นการเอาใจใส่ แต่สำหรับบางคนกลับรู้สึกเบื่อหน่าย ทีโดนจู้จี้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นห่วง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ "รำคาญ" จนพาลคิดไปว่าอีกฝ่าย "ไม่เชื่อใจ" และทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน นำไปสู่การทะเลาะเบาะ

อย่า "หึง" แบบไม่มีสาเหตุ
อย่า "ระแวง" แบบไม่ฟังเหตุผล
อย่า "คิดไปเอง" แบบที่เขาไม่รู้ตัว

เพราะสำหรับความรัก "ความเชื่อใจ" ... "ไว้ใจ" และ "ให้เกียรติ" ซึ่งกันและกันคือสิ่งที่สำคัญ ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง เพราะบางคนก็อยากมีอารมณ์ส่วนตัวที่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว ไปกับเพื่อน หรือไปกับครอบครัว โดยที่ไม่มีแฟนไปเกี่ยวข้อง และลองมุมกลับกัน บางครั้งคุณยังอยากที่จะมีเวลาส่วนตัวไปทำสวย ไปเดินลั้ลลากับเพื่อน ๆ หรือไปกินข้าวกับครอบครัวเลย

ทางที่ดีพยายาม "ไว้ใจ" กันให้มาก ๆ เพราะก่อนที่จะ "เชื่อใจ" คุณทั้งคู่ต้องไว้ใจซึ่งกันและกันให้ได้ก่อน และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณ "เชื่อใจ" กันแล้ว "ความไว้วางใจ" รวมถึง "ความสบายใจ" และ "ความสุข" ในชีวิตรักก็จะตามมา ^___^

9 วิธี ทำให้รู้สึกดีในวันที่แย่ ๆ



9 วิธี ทำให้รู้สึกดีในวันที่แย่ ๆ

ทุกคนล้วนมีวันที่แย่ ๆ กันทั้งนั้น เช่นไม่ว่าวันนั้นจะทำอะไร ทุกอย่างก็ดูเลวร้ายไปซะหมด เหมือนอะไรก็ไม่เข้าข้าง แต่ในความโชคร้ายก็มีเรื่องดี เมื่อเรามีวิธีที่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมานำเสนอ หลาย ๆ ข้ออาจทำให้คุณประหลาดใจ แต่หากวันใดคุณต้องมีวันเหล่านั้น อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ออกมาใช้ อาจจะช่วยลดรอยเหี่ยวย่นที่เกิดพร้อมความกังวล แถมมาก่อนวัยได้เป็นอย่างดี

1. อ่านหนังสือดี ๆ

การอ่านหนังสือสำหรับบางคน อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ โดยฉพาะหากเป็นหนังสือเล่มโปรด หนังสือของผู้แต่งที่ชื่นชอบ เพราะการอ่านหนังสือนั้นจะช่วยเปิดมุมมอง ดึงคุณไปสู่เรื่องน่ารู้ ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับสิ่งต่า งๆ มากมาย ลองหยิบหนังสือสักเล่มในวันที่เงียบเหงา แล้ววันนั้นตัวหนังสือจะโลดแล่นไปในใจคุณให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาก็เป็นได้

2. ทำดีต่อผู้อื่น

คุณเคยสังเกตไหมว่าเมื่อคุณทำดีต่อผู้อื่น อารมณ์ของคุณก็จะดีตามไปด้วย การทำดีกับผู้อื่นมักจะทำให้วันที่แย่ๆ ของเราดีขึ้นเสมอ เพราะเราจะรู้สึกสบายใจเมื่อเราได้ช่วยเหลือคนอื่น บางครั้งชีวิตเราก็มีคุณค่าสำหรับคนอื่นเหมือนกันนะ อย่าคิดว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าอะไรอีกเลย หันไปทำสิ่งดี ๆ กับคนรอบข้างดีกว่านะ

3. ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

บางครั้งความยุ่งยากวุ่นวายต่าง ๆ คงทำให้คุณรู้สึกแย่ ในที่นี้หมายถึงความวุ่นวายทางใจ หากจิตใจคุณเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสับสน ปั่นป่วน ลองนั่งสมาธิหรืออย่างน้อยที่สุดใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพักดูสิ สิ่งนี้จะสามารถทำใจให้โล่งสบายได้ เพราะคุณได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น และพร้อมจะตั้งมั่นในการแก้ไขเรื่องอะไรก็ตามให้ดีขึ้นไงล่ะ

4. กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ

การกระตือรือร้น แอคทีฟ หรือการออกกำลังกายซะบ้างก็สามารถช่วยได้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องถึงขนาดวิ่งเข้าโรงยิม เพียงแค่คุณมีกิจกรรมใด ๆ ก็ตามทำทุกวัน นอกจากจะช่วยด้านจิตใจแล้ว ก็ยังช่วยด้านร่างกายในการหลั่งสารเอ็นโดรฟินซึ่งจะช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีสมดุล
5. หากิจกรรมทำ

บ่อยครั้งที่คุณสามารถพัฒนาอารมณ์ของคุณให้คงที่ได้โดยการทำงาน รวมถึงหากิจกรรมอื่น ๆ ทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารด้วยเมนูใหม่ ๆ จัดชั้นหนังสือใหม่ ตกแต่งห้อง ลองหาต้นไม้มาปลูกเพิ่ม ทำความสะอาดครัว ฯลฯ ในยามที่คุณกำลังมุ่งมั่นทำสิ่งใดนั้น ก็จะช่วยให้คลายความรู้สึกที่ไม่ดีที่ติดในใจได้ แถมเราจะได้สิ่งใหม่ ๆ มาประดับชีวิตเราอีกด้วย ลองดูสิ

6. แสดงมันออกมา

จากการศึกษาพบว่าคุณควรจะแสดงในสิ่งที่คุณต้องการแสดงออกมา ถ้าคุณอยากเศร้า คุณก็จงแสดงออกมา อยากร้องไห้ ก็ร้องมาเลย ถ้าคุณอยากจะมีความสุข คุณก็สามารถกระตุ้นตัวเองให้มีความสุขได้โดยการยิ้ม หัวเราะ ดังนั้นคุณต้องการให้ตนเองมีความสุขก็พยายามยิ้ม หัวเราะออกมา

7. กำลังใจจากผู้อื่น

บางทีคุณก็ต้องการให้ใครสักคนนึงอยู่ข้างๆ คุณ มาทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น นั่นก็คือคุณต้องบอกคนที่คุณรักว่าคุณต้องการกำลังใจจากพวกเขา พวกเขาไม่สามารถรู้ได้โดยอัตโนมัติเพียงแค่บอกพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าลอง

8. พักผ่อน

ความจริงก็คือ การพักผ่อนเป็นหนทางที่แทบจะดีที่สุด ที่จะทำให้คุณพักจากวันแย่ๆ ของคุณ เมื่อใดที่คุณรู้สึกแย่และเศร้า ให้คุณพักผ่อนสักขณะเพื่อให้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นและเมื่อตื่นขึ้นมาคุณก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น

9. การพูดคุย

ข้อสุดท้ายนี้ ก็คือ ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักก็ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณอาจจะพูดคุยกับเพื่อนสนิทของคุณ เพียงแค่พูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็จะทำให้อารมณ์คุณดีขึ้น

มีหลายวิธีที่แตกต่างกันไปที่จะทำให้วันแย่ ๆ ของคุณกลายเป็นวันที่ดีได้ จริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะเลือกให้ตนเองเป็นอย่างไร แต่ในวิธีการเหล่านี้ก็อาจจะมีข้อหนึ่งที่คุณรู้สึกว่ามันช่วยคุณได้จริง ๆ และคุณก็ควรจะทำเมื่อคุณรู้สึกแย่ เท่านี้วันแย่ ๆ ก็กลับกลายเป็นดีได้...อยู่ที่ตัวคุณ ^__^"

Love me Do-The Beatles ' 62

Bee Gees - To Love somebody Full HD